รบกวนพื่อนๆเรื่องวีซ่าเป็นผู้ติดตามของอเมริกา

หาใน smart search แล้วนะค่ะ แต่ยังคงต้องถามเพื่อนสมาชิกอยู่ดี คือมีคำถามดังนี้ค่ะ

สามีรับราชการทหารเรือ และมีวีซ่าของอเมริกาอยู่แล้ว และปลายเดือนกย.นี้ต้องไปทำงานวิจัยศึกษาเป็นเวลา 2เดือน สามีอยากให้ดิฉันและลูกๆตามไปด้วย


1 .ดิฉันและสามีจดทะเบียนสมรสกัน ดิฉันเป็นแม่บ้าน จึงไม่มีรายได้ของตัวเองโดยตรง เพราะใช้บัญชีของสามีทั้งงานประจำและรายได้เสริม


2. ลูกชายคนโต อายุ13ปี เป็นลูกที่เกิดจากสามีเก่า และคุณพ่อเค้าเสียไปนานแล้ว ดิฉันจึงเป็นผู้ปกครองคนเดียว

ส่วนสามีคนนี้ไม่ได้รับเป็นบุตรบุญธรรม แต่เลี้ยงดูตั้งแต่ อายุ6เดือน ลูกชายคนนี้ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างค่ะ

หนังสือรับรองของโรงเรียนด้วยไหมค่ะ และต้องแปลด้วยรึป่าวค่ะ


3. ลูกชายคนที่2 อายุ4ขวบ เรียนอนุบาล เป็นลูกของสามีคนนี้ ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ต้องใช้หนังสือรับรองจากโรงเรียนด้วยไหมค่ะ


4 ลูกสาวคนเล็กปัจจุบัน อายุ 3เดือน ต้องเอกสารอะไรบ้าง ต้องมีหนังสือแปลอะไรไหมค่ะ


สามีมีหนังสืออนุมัติไปราชการและหนังสือเชิญจากทางอเมริกาเรียบร้อยแล้ว แต่ของดิและลูกๆยังมึนๆกันอยู่

เพราะเราใช้เงินส่วนตัวเหมือนไปเที่ยวแต่อยู่นานลูกๆและดิฉันทำหนังสือเดินทางแล้ว

ต้องซื้อตั๋วเดินทางไว้ก่อนยื่นสัมภาษณ์ด้วยใช่ไหมค่ะแล้วควรจะแปลเอกสารที่ไหนดีค่ะ


รบกวนเพื่อนๆช่วยหน่อยนะค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะค่ะ

ความคิดเห็นที่ 1
ตกลงสามีได้วีซ่าแบบอะไรนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 1
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 2
คือสามีได้วีซ่าแบบ10ปีไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไรค่ะ
เพราะตอนนี้เจ้าตัวก็ไปอังกฤษ ไม่เคยได้ถามเค้าเลยค่ะ แต่เค้าไปอเมริกาปีหนึงประมาณ2-3ครั้งไปเรื่องราชการ ทุกครั้งก็ไปประมาณครึ่งเดือนค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 2
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 3
สำหรับเราเมกาค่ะ ผ่านมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ได้วีซ่าทุกประเทศมาแบบชิวๆ แต่พอมาขอเมกาเกือบไม่รอดค่ะ
ดีที่ได้มา เส้นยาแดงผ่าแปดค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 3
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 4
ได้วีซ่ามาแบบ 10 ปี ก็คือวีซ่าธุรกิจ/ท่องเที่ยว คงไม่มีวีซ่าผู้ติดตาม ถ้าจะติดตามไปก็ต้องขอเป็นวีซ่าเช่นเดียวกับสามี คือวีซ่าธุรกิจ/ท่องเที่ยว B1/B2
ขอวีซ่าเมกาไม่จำเป็นต้องจองหรือซื้อตั๋วเครื่องบินไว้ก่อน เอกสารทุกอย่างแทบไม่ต้องแปลก็ได้ ยกเว้นหนังสืออนุมัติจากทางราชการควรจะแปลเพื่อให้สอดคล้องกับหนังสือเชิญจากทางเมกา ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว
ลูกๆก็ใช้หลักฐานการเรียน และสำเนาทะเบียนบ้าน สิ่งสำคัญที่สุด คือ โครงการที่สามีจะไปทำวิจัย และสามารถแจงถึงที่มาของค่าใช้จ่ายระหว่างที่พำนักอยู่ในเมกา


ตอบกลับความเห็นที่ 4
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 5
เราว่าเป็นไปได้ 2 ทางค่ะ
1. คุณและลูกๆ ไปทำวีซ่าท่องเที่ยว แต่ว่าสามีเข้าไปด้วยไม่ได้นะคะ คุณต้องพาลูกสามคนเข้าไปเอง
2. ให้สามีทำวีซ่า J1 (ผู้วิจัย) และ คุณกับลูกทำ J2 (ผู้ติดตาม) อันนี้สามีคุณจะต้องเข้าไปสัมภาษณ์ด้วย น่าจะสบายกว่า แต่ต้องมีใบ DS-2019 ออกจากมหาวิยาลัยที่จะไปทำวิจัย โดยเค้าจะออกให้สำหรับผู้ติดตามทุกคนด้วย ต้องลองติดต่อมหาวิทยาลัยดูค่ะ

เอกสารที่ควรต้องแปลคือใบทะเบียนสมรส ใบหย่า ใบสูติบัตรลูกๆ ค่ะ แปลแล้วเอาไปรับรองที่กงสุลตรงแจ้งวัฒนะค่ะ
ส่วนหนังสือรับรองของโรงเรียน น่าจะขอให้โรงเรียนออกเป็นภาษาอังกฤษได้ค่ะ

ตั๋วจองไว้ก่อนก็ได้ค่ะ แต่ยังไม่ต้องจ่ายตังนะคะ หรือจะยังไม่จองก็ได้ค่ะ

แต่ว่าไปแค่ 2 เดือน เอาครอบครัวไปด้วย จะไม่เหนื่อยเหรอคะ แล้วยอมให้เด็กๆขาดเรียนเหรอคะ เราว่ากงสุลต้องถามแน่ๆเลย


ตอบกลับความเห็นที่ 5
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 6
ตอนนี้กำลังคิว่าจะลองขอแบบท่องเที่ยว

และยื่นเอกสารของสามีที่เป็นหนังสือเชิญไปด้วยค่ะ

ส่วนลูกคนโตว่าจะให้กลับเองก่อน หรือไม่ก็จะลองขอลาหยุด ถ้าโรงเรียนอนุญาต

ส่วนคนที่สอง ลายาวได้ค่ะเพราะอนุบาล

แต่ปัญหาคือทางกงสุลเค้าจะคิดยังไงแล้วเราควรจะตอบประมาณไหนดี

ขอบคุณทุกความเห็นนะค่ะ


ตอบกลับความเห็นที่ 6
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 7
ได้วีซ่าแบบ10ปี ก็คงวีซ่าธุรกิจ/ท่องเที่ยว หรือ B1/B2
ตอนนี้เจ้าตัวก็ไปอังกฤษ แล้วเขาจะกลับมาไทยเมื่อไร ก่อนที่จะไปปลายเดือนกย เป็นเวลา 2เดือน
เพราะ จขกท บอกว่า เหมือนไปเที่ยวแต่อยู่นาน ตกลงกะจะไปนานเท่าไร
ข้อสำคัญ ๑ ลูกสาวคนเล็กปัจจุบัน อายุ 3เดือน ไป ก็ไม่ได้อะไร จะลำบากกัน
๒ ลูกชายคนโต อายุ13ปี เป็นลูกที่เกิดจากสามีเก่า ใช้นามสกุลเดียวกับ จขกท และสามีหรือเปล่า ถ้าใช้ ก็สบายหน่อย
ถ้าสามี เขาอยากให้ไปกันทั้งหมด เขาก็น่าจะมาช่วยทำเรื่องให้ เพราะท่าทางจะเหนื่อย มีช่องให้ทางกงสุล คิดว่า จะไปแอบตั้งหลักที่ เมกา นะ


ตอบกลับความเห็นที่ 7
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 8
คุณสามีจะกลับมาประมาณ10สิงหาค่ะ แล้วก็จะไปต่ออีก18สิงหา ที่ฮาวาย

ก็คงขอแบบท่องเที่ยวทั่วๆไป และจะบอกเจ้าหน้าที่ว่าอยู่ประมาณ2เดือน คือถ้าได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

ส่วนลูกชายคนโตใช้นามสกุลเดิมของดิฉันเองค่ะ แต่สามีคนนี้ไม่ได้รับเป็นบุตรบุญธรรมเพราะขั้นตอนเยอะมาก

คุณสามีก็เตรียมเรื่องงาน และให้ทำตามขั้นตอนปกติค่ะ เลยต้องจัดการเองบ้าง เลยมึนๆ เพราะไม่เคยไปไหนที่ต้องขอวีซ่า

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ

ตอบกลับความเห็นที่ 8
   
  
 
 
   
ความคิดเห็นที่ 9
ถ้าตัดสินใจจะไปแน่ ๒ เดือน ก็ทำตามที่ คคห ๔ แนะนำ แล้วตอนสามีกลับมาไทย ก็ Xerox
หนังสือเดินทาง และ US Visa ของสามีไว้ เอาไปประกอบตอนยื่นขอวีซ่า สงสัยทำไม กรมข่าวไม่ขอวีซ่า A2 ให้สามีเพราะเป็นการไปราชการ แต่ก่อนนี้ ขนาดลาไปเรียนต่อเมกา ด้วยทุนส่วนตัว กรมข่าว ทอ ทำหนังสือเดินทางและ ขอ A2 ให้ โดยเจ้าตัวเองไม่ต้องไปทำอะไรเลย
จขกท ตอนกรอกใบสมัตร ก็ทำแบบ Family โดย จขกท เป็นหลัก และทุกคนต้องกรอก DS-160 ของแต่ะคน และก็ต้องมีใบ Confirmationของแต่ะคน ตอนซื้อพิน นัดสัมภาษณ์ ใช้พินเดียว แต่ก็ต้องบอกใบ Confirmationของแต่ะคนให้ครบ ถึงเวลาไปสัมภาษณ์ จขกท ไปคนเดียวก็ได้ เพราะเด็กต่ำกว่า ๑๔ ไม่จำเป็น หรือจะเอาคนโต ติดไป ก็ไม่เป็นไร
ใจจริง ไม่อยากให้ไป เพราะลูกยีงเล็ก จะลำบากกันไปหมด
ขอให้โชคดี แล้วตั้งกระทู้ใหม่บอกผลด้วยนะ


ตอบกลับความเห็นที่ 9